Last updated: 23 ส.ค. 2564 | 643 จำนวนผู้เข้าชม |
1 กันยานี้ ‼️ ยิงโฆษณาต้องเสียภาษี‼️
มีผลกระทบกับผู้ใช้บริการ ทั้งผู้ประกอบการ และ end user
ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ส่งผลให้รูปแบบการให้บริการผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ข้ามประเทศทำได้ง่ายมาก และสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานจัดเก็บภาษีทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ เพราะต้องการสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการภายในประเทศที่ต้องเสียภาษี ปัจจุบันมีประเทศที่บังคับใช้กฎหมายแล้ว มากกว่า 60 ประเทศ เช่น อเมริกา อังกฤษ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ประเทศไทยจึงต้องมีการปรับปรุงกฎหมายในการจัดเก็บภาษีให้สอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจดิจิทัล
กฎหมายบังคับใช้อย่างไร
เมื่อถึงกำหนดที่กฎหมายมีผลใช้บังคับในวันที่ 1 กันยายน 2564 ผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศแก่ผู้ใช้ที่ไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ดังนี้
1. จะมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี และมีหน้าที่ยื่นจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
2. เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 จากยอดขายโดยไม่ให้นำภาษีซื้อมาหัก
ผลกระทบที่อาจะเกิดขึ้นกับผู้ใช้บริการ
กรณีผู้ใช้บริการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว
กฎหมายเดิมกำหนดไว้ว่าให้ผู้ใช้บริการในประเทศมีหน้าที่ยื่นเสียภาษีแทนผู้ให้บริการ โดยยื่นแบบ ภพ 36 อยู่แล้ว ก็ยังคงต้องปฏิบัติเช่นเดิม ไม่มีผลกระทบอย่างไรต่อการแก้ไขกฎหมายนี้
กรณีผู้ใช้บริการเป็นไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน
อาจเกิดการผลักภาระภาษีที่เกิดขึ้นให้ผู้บริโภคในไทยเป็นผู้รับผิดชอบ ตามหลักการของภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บภาษีจากผู้ใช้บริการคนสุดท้าย (End user) จึงอาจมีการเพิ่มมูลค่าเงินที่ต้องชำระแก่ผู้ให้บริการโดยบวกภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปอีกด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบธุรกิจของผู้ให้บริการ e-Service หรือแพลตฟอร์มจากต่างประเทศแต่ละราย
อย่างไรก็ตามเมื่อกฎหมายเริ่มบังคับใช้ ต้องคอยดูผลกระทบในการปฏิบัติตามกฎหมายและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้บริการต่อไป
Cr. accrevo.com